✨Flame Craft Story การเดินทางของเหล่ามังกร✨

✨Flame Craft Story การเดินทางของเหล่ามังกร✨

 

📖Chapter 1: ฮันนี่ เจ้าหญิงมังกรแห่งร้านเบเกอรี่🎂

“...เธอผู้เติบโตจากครอบครัวร้านขนมปัง จะเป็นสุดยอดนักอบขนม ด้วยพลังเฟลมคราฟต์ของเธอให้ได้”
.
ฮันนี่ มังกรน้อยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำเบเกอรี่ กำลังมุ่งหน้าเข้าไปยังเมืองเวทมนตร์ที่แสนวุ่นวาย ในมือเล็กๆของเธอได้หอบเอาขนมปังหอมกรุ่นที่อบอย่างปราณีตด้วยพลังแห่ง “เฟลมคราฟต์” เป็นขนมปังสีเหลืองทองที่ไม่มีวันเย็นชืด และหอมอร่อยอยู่ตลอดเวลา
เพียงแค่เท้าเธอลงแตะกับพื้น กลิ่นหอมของขนมปังก็ลอยฟุ้งไปทั่ว ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในเมืองพอได้กลิ่นก็ต้องหยุดเพื่อมองหาเจ้าของกลิ่นหอมอันโอชะนั้น
กลิ่นหอมของขนมปังนี้ไม่เพียงแต่จะเรียกน้ำย่อยของผู้คนในเมืองให้ท้องร้องโครกครากกันไปตามๆ กันเท่านั้น แต่ยังไปเตะจมูกเจ้าของร้าน “เดรกออฟเค้ก” ร้านเบเกอรี่ชื่อดังที่กำลังตามหาช่างทำขนมยอดฝีมือมาจัดการงานในครัว
เขาจึงเดินตามกลิ่นหอมหวนของขนมปังที่พิเศษแตกต่างจากขนมปังที่เคยอบมาแล้วหลายพันหลายหมื่นครั้งจนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้ามังกรน้องฮันนี่ และแน่นอนว่าเขาต้องการให้ขนมปังอันหอมกรุ่นนี้ไปวางขายอยู่ในร้าน
แต่! ติดที่เขาไม่สามารถที่จะสื่อสารกับฮันนี่ได้นี่สิ

นั่นจึงกลายเป็นหน้าที่ของเรา “ผู้พิทักษ์แห่งไฟ” ผู้ใช้ศิลปะการสื่อสารกับเหล่ามังกรน้อยเป็นตัวกลางที่จะพาความสามารถของ ”ฮันนี่” ไปโลดแล่นอยู่บนร้านขนมอันเรื่องชื่อแห่งเมืองเวทย์มนต์ให้จงได้!

 

 

📖Chapter 2: ฮ็อตด็อก มังกรแสนซนก้นครัว🍲
“พลังเฟลมคราฟต์ของฉัน จะรังสรรค์สุดยอดเมนูที่ทุกคนต่างโหยหาและอยากลิ้มลอง ไม่ว่าจะคนยากจนหรือมหาเศรษฐีต่างมีสิทธิ์ที่จะได้ลิ้มรสอาหารที่แสนอร่อยนี้”✨

ณ อีกฟากหนึ่งของเมือง มังกรน้อยฮอตด็อก มังกรก้นครัวของร้าน “บุฟเฟต์ล้นจาน” ร้านบุฟเฟต์ริมทางราคาย่อมเยาว์ที่มีเจ้าของร้านเป็นคุณยายใจดี และเมนูยอดฮิตที่ไม่ว่าใครได้ลิ้มลองต่างต้องติดใจและขอสั่งเพิ่มจนทำแทบไม่ไหว นั่นก็คือ ซุปล้นจาน เป็นซุปสูตรลับที่คุณยายเจ้าของร้านคิดค้นขึ้น และเป็นเมนูที่ราคาไม่แพงไม่ว่าคนยากดีมีจนต่างสามารถทานได้
“ฮ็อตด็อก” มังกรก้นครัวที่คอยช่วยเหลือคุณยายต้มน้ำซุปสูตรลับนี้ในทุกวันก็มีความฝัน อยากที่จะรังสรรค์ซุปสูตรพิเศษที่ใช้วัตถุดิบราคาไม่แพงแต่อร่อยจนคนทั้งเมืองต้องมาลิ้มลองฝากท้องไว้กับซุปชามนี้ ในทุกๆคืนหลังจากเก็บร้าน เจ้าฮ็อตด็อกจะใช้วัตถุดิบที่เหลืออยู่ในครัวไม่ว่าจะเป็น กระดูกซี่โครงวัวที่ถูกเลาะเนื้อไปหมดเพื่อทำเสต็ก เศษมันฝรั่งที่เหลือจากการทำสตูว์ หรือ แม้แต่รากผักที่เหลือจากการทำซุป
ฮ็อตด็อกลองผิดลองถูกอยู่หลายต่อหลายคืน และในรุ่งสางวันหนึ่งซุปสูตรพิเศษด้วยฝีมือของฮ็อตด็อกก็ถือกำเนิดขึ้น ในหม้อที่มีซุปเดือดพล่าน พร้อมกับเหล่าเครื่องปรุงที่ราคาไม่แพง ก็ส่งกลิ่นหอมไปทั่วระแวกนั้น กลิ่นหอมนั้นได้ไปปลุกคุณยายเจ้าของร้านขึ้นจากนิทรา
“กลิ่นหอมนี่มันอะไรกัน? ไม่ใช่กลิ่นซุปล้นจานของฉันแน่ๆ กลิ่นมันช่าง..”
คุณยายรีบลุกลงจากเตียงและมุ่งหน้ามาที่ครัวทันทีด้วยความอยากรู้ น้ำย่อยเริ่มทำงานแล้วสิ เสียงท้องร้องเหมือนมีสัตว์ยักษ์ขนาดมหึมากำลังประท้วงทุบผนังท้องขออาหารอยู่ภายใน
เมื่อเปิดประตูห้องครัว กลิ่นหอมของซุปก็โชยออกมา และลอยรอดหน้าต่างไปยังห้างร้านอื่นๆในระแวกตรอกดราก้อน ไม่นานนักก็เริ่มมีคนมาต่อแถวอยู่หน้าร้านแม้ร้านบุฟเฟต์ล้นจานจะยังไม่ถึงเวลาเปิดก็ตาม ผู้คนต่างิยากรู้ว่ากลิ่นหอมที่ลอยละล่องในอากาศมาจากเมนูไหนของคุณยายล้นจานกันนะ
เมื่อคุณยายเปิดหม้อออกก็พบกับน้ำซุปใสสีเหลืองทอง คุณยายค่อยๆตักซุปขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้น้ำซุปแสนอร่อยนี้หกไปแม้แต่หยดเดียว แล้วเทลงถ้วยก่อนที่จะซดซุปถ้วยนั้นจนหมดแทบจะในทันที น้ำซุปใสๆชุ่มคอพร้อมกับรสชาติที่แปลกใหม่ น้ำซุปอุ่นๆที่ค่อยๆไหลผ่านคอค่อยๆเผยรสชาติอันลึกล้ำ จากปลายลิ้นสู่ลำคอให้รสชาติที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน
“เป็นซุปที่ยอดเยี่ยมจริงๆนะเจ้าฮ็อตด็อก..เราจะตั้งชื่อซุปนี่ว่าอะไรดีล่ะ..เรียกว่า ‘ซุปไออุ่นมังกร’ ดีไหม ”
ตั้งแต่นั้นมาซุปไออุ่นมังกร ก็กลายเป็นเมนูเด็ดแห่งร้านบุฟเฟต์ล้นจาน และแน่นอนว่าเมื่อลูกค้าอยากจะลิ้มลองมากขึ้นเจ้ามังกรก้นครัวที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นเชฟใหญ่ก็ต้องการ “ผู้พิทักษ์แห่งไฟ” สักคนมาช่วยสื่อสารกับเหล่าลูกค้าและเรียกความนิยมให้กับร้านแห่งนี้ ถึงเวลาของเราแล้วที่จะไปช่วยเจ้ามังกรสร้างร้านบุฟเฟต์อันยอดเยี่ยม!

 

 

📖Chapter 3: เอลเดอร์เบอร์รี่ มังกรปรุงยาแห่งเมืองเวทมนตร์🧪

“ไม่ว่าผู้คนจะป่วยด้วยโรคอะไร หรือแม้จะเป็นโรคที่รักษาไม่หายก็ตาม ยาที่ปรุงด้วยพลังเฟลมคราฟต์ของเราจะช่วยทุเลาความเจ็บปวดเหล่านั้นลงได้”✨
โอสถมังกร เป็นโรงปรุงยาที่จัดตั้งขึ้นโดยเจ้าเมืองเวทมนตร์ ไม่ว่าใครจะเจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องมาขอยารักษากันที่โอสถมังกรทั้งนั้น
เมื่อปีกลายโรคระบาดร้ายแรงได้เกิดขึ้นและคร่าชีวิตชาวเมืองเวทมนตร์มากมาย ผู้คนต่างหวาดกลัว และเก็บตัวอยู่ภายในบ้าน ตรอกดราก้อนที่เคยคึกคักก็ซบเซาลง ห้างร้านต่างๆที่มีผู้คนพลุกพล่านก็ต้องปิดตัวลง ศาสตราจารย์ใหญ่แห่งโอสถมังกรก็พยายามคิดค้นยารักษาต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะสมุนไพรต่างๆที่หาได้ หรือแม้แต่สมุนไพรที่ต้องนำเข้าจากต่างเมืองก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอะไร
เมื่อโรคระบาดเริ่มหนักมากขึ้น ชาวบ้านเริ่มอดอยาก และลุกฮือเพื่อต่อต้านเจ้าเมืองที่ไม่สามารถดูแลชาวเมืองให้มีชีวิตรอดได้ ในอีกฝั่งหนึ่งของเมือง เอลเดอร์เบอรี่ มังกรนักปรุงยาที่ไม่มีคนสนใจก็กำลังคิดค้นสูตรยาที่จะช่วยรักษาและปกป้องชีวิตชาวเมืองอยู่ในห้องใต้หลังคาซอมซ่อ เอลเดอร์เบอรี่ ปรุงยาหม้อแล้ว หม้อเล่า และในที่สุด ยาสำหรับรักษาโรคระบาดก็ถูกคิดค้นจนสำเร็จ
แต่ปัญหาก็คือ ใครล่ะที่จะช่วยเจ้ามังกรน้อย เอลเดอร์เบอรี่ สื่อสารกับชาวเมือง และศาสตราจารย์ใหญ่แห่งโอสถมังกร เราในฐานะ “ผู้พิทักษ์แห่งไฟ” จะต้องช่วยเหลือเจ้าเอลเดอร์เบอรี่สื่อสารกับชาวเมือง และพาชาวเมืองรอดพ้นจากโรคระบาดครั้งนี้ไปให้ได้

 

 

📖Last Chapter : รัสตี้ นายช่างมังกรนักตีเหล็กแห่งตรอกดราก้อน⚒️ “ด้วยพลังแห่ง ไฟ ในตัวข้า จะหลอมโลหะทุกชนิดและตีขึ้นใหม่เป็นสิ่งของสุดทนทาน จะไม่มีสิ่งใดแข็งแกร่งไปกว่าเหล็กที่ตีขึ้นด้วยพลังเฟลมคราฟต์อีกแล้ว”✨โรงหลอมเหล็กที่อยู่ท้ายสุดของตรอกดราก้อน เตาหลอมที่มีความร้อนสูงกว่าพันองศา รัสตี้ มังกรตีเหล็กกำลังหลอมโลหะหลากชนิดเพื่อสร้างเหล็กชนิดใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า เขาทดลองหลอมเหล็กหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังไม่สามารถสร้างเหล็กชนิดพิเศษนี้ได้ เหล่าลูกค้าที่ใช้บริการโรงเหล็กแห่งนี้ก็มักจะบ่นถึงความคงทนของสิ่งของที่พวกเขาซื้อไป ไม่ว่าจะเป็นคุณยายแห่งร้านบุฟเฟต์ล้นจาน ก็มักจะเอาหม้อที่ต้มซุปไออุ่นมังกร สุดยอดเมนูที่ต้มกี่หม้อก็ไม่เคยพอมาซ่อมอยู่บ่อยๆ เจ้าของร้านเดรกออฟเค้กที่มักจะบ่นเรืองถาดอบขนมของเธอที่งอเพราะอบขนมด้วยความร้อนสูง หรือ แม้แต่ศาสตราจารย์แห่งโอสถมังกรที่ซื้อกรรไกรสำหรับตัดสมุนไพรแต่กลับทื่อจนไม่สามารถแม้แต่จะตัดใบสมุนไพรบางๆให้ขาดได้ นายช่างใหญ่เจ้าของโรงหลอมก็มักจะปวดหัวทุกครั้งกับเรื่องความแข็งแรงของเหล็กที่เขาขาย แม้แต่เกือกม้าเหล็กที่เขาใส่ให้ม้าของเขาเพื่อขนสินค้าไปขายต่างเมืองก็ยังหักคาเท้าของเจ้าม้าตัวโต ‘ทำยังไงดีล่ะรัสตี้ ข้าว่าอีกไม่นานโรงหลอมของข้าคงจะต้องปิดตัวเป็นแน่ ไม่มีใครอยากได้เหล็กที่บอบบางยิ่งกว่ากิ่งไม้แห้งที่หล่นอยู่ตามทางหรอกนะ’ รัสตี้ เมื่อได้เห็นนายช่างใหญ่ที่เขาเคารพนั่งหมดอาลัยตายหยากอยู่ก็เกิดความไม่สบายใจ ในทุกๆวันหลังจากว่างจากการซ่อมสิ่งของที่ผู้คนเอามาส่ง รัสตี้ ก็พยายามคิดค้นเหล็กที่แข็งแกร่งทนทานมากขึ้น เขาง่วนอยู่กับการเลือกเหล็ก หลอมเหล็ก คิดค้นวิธีการตีเหล็กสารพัดที่เขาจะนึกออก จนวันแล้ววันเล่าก็ดูเหมือนแรงที่ลงไปจะไร้ประโยชน์ วันหนึ่งขณะ รัสตี้ ติดตามนายช่างใหญ่ไปต่างเมือง ระหว่างทางนั้นล้อเกวียนที่รับน้ำหนักสินค้ามากมายก็ไปเหยียบเข้ากับแท่งเหล็กตกอยู่บนพื้น แต่แท่งเหล็กแท่งนั้นไม่งอ หรือแม้แต่จะหักเลยซ้ำยังทำให้ล้อเกวียนร้าวอีกด้วย สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับ รัสตี้ และนายช่างใหญ่เป็นอย่างมาก รัสตี้ ได้เก็บชิ้นเหล็กนั้นไปเป็นตัวอย่าง คืนนั้นทั้งคืน รัสตี้ ได้พยายามศึกษา และทดลองเพื่อที่จะหลอมเหล็กให้เหมือนกับตัวอย่างที่เขาเก็บมา เมื่อลองผิดลองถูกหลากหลายครั้ง สุดท้าย รัสตี้ ก็สามารถที่จะหลอมเหล็กชนิดใหม่ที่แข็งแรงกว่าเหล็กธรรมดาๆที่เขากับนายช่างใหญ่เคยหลอม แต่เป้าหมายของเขาไม่เพียงเท่านั้น เพราะ รัสตี้ ต้องการที่จะสร้างเหล็กที่แข็งยิ่งกว่า เพื่อกอบกู้โรงหลอมเหล็กของนายช่างใหญ่ และก้าวสู่โรงหลอมเหล็กชั้นนำของเมืองให้ได้ แน่นอนว่า รัสตี้ เองก็ต้องการ “ผู้พิทักษ์แห่งไฟ” สักคน มาช่วยสร้างชื่อเสียงและสื่อสารกับผู้คนให้กับโรงหลอมเหล็กของเขาเช่นกัน ผู้พิทักษ์แห่งไฟทั้งหลาย ตามมาเถิด มาสร้างชื่อเสียงและก้าวสู่การเป็น “ปรมจารย์แห่งอัคคี” ไปกับ รัสตี้ และเหล่ามังกรช่างฝีมือด้วยกัน!